
งานออกแบบทำไมต้อง less is more และ god is in the details
คนที่อยู่ในวงการรับออกแบบจำนวนมากคงเคยได้ยินหรือคุ้นๆกับประโยคหรือวลียอดฮิตที่ว่า “Less is more.” หรือในภาษาไทยว่า “น้อยแต่ให้ผลมาก” กันอยู่บ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าคำพูดนี้แท้จริงแล้วมักต้องอยู่ควบคู่กับอีกวลีหนึ่งเสมอซึ่งก็คือ “god is in the details.” หรือ “งานออกแบบที่ดีต้องใส่ใจในรายละเอียด” ด้วย ซึ่งวันนี้เราก็จะมาดูกันว่า คำพูดทั้งสองประโยคนี้มาจากใคร ใครเป็นคนนำมาใช้เป็นปรัชญาในการออกแบบเป็นคนแรกและความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่
ลุดวิก มีส ฟาน เดอร์ โรห์ ผู้บุกเบิกแห่งวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่นำแนวคิดนี้มาใช้ร่วมในการออกแบบ
ลุดวิก มีส ฟาน เดอร์ โรห์ สถาปนิกชาวเยอรมัน หรือที่มักรู้จักกันในนาม มีส ฟาน เดอร์ โรห์ เขาเป็นสถาปนิกที่ได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแห่งวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ด้วยฝีมือและแนวคิดในการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากเขาเองก็เป็นนักออกแบบคนหนึ่งที่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สนใจเสาะแสวงหารูปแบบทางการออกแบบสถาปัตยกรรมในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะสามารถสื่อถึงยุคสมัยใหม่ให้ได้ เฉกเช่นในยุคก่อนๆที่นักออกแบบแต่ละยุคสมัยพยายามต้องการหาความแปลกใหม่ให้กับวงการออกแบบต่างๆ อยู่ตลอด
ด้วยความพยายามมุมานะ ในที่สุดเขาก็ได้สร้างสรรค์รูปแบบของสถาปัตยกรรมในศตวรรณที่ 20 ที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนถึงความปรอดโปร่งและความเรียบง่าย อาคารที่เขาออกแบบนั้นมักจะใช้วัสดุที่เป็นวัสดุสมัยใหม่ อย่างเช่น เหล็ก แผ่นกระจก เพื่อแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมภายใน เขามุ่งมั่นในการสร้างสถาปัตยกรรมที่ใช้โครงสร้างน้อยชิ้นในการจัดวางและจัดระเบียบสิ่งต่างๆในงานออกแบบสถาปัตย์ของเขาให้สมดุลกับพื้นที่ที่เปิดโล่งอิสระ
และเขาได้เสาะหาแนวทางและเหตุผลเพื่ออธิบายความคิดที่เป็นแนวทางกับขั้นตอนการออกแบบของเขา โดยเขาได้จับเอาสำนวน less is more ที่ปรากฏครั้งแรกในบทกวีของ Robert browning กวีเอกชาวอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นครั้งแรก มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบอาคารบนความเรียบง่ายแต่พิถีพิถันและลุ่มลึกในทางความคิด ซึ่งในส่วนของความพิถีพิถันและลุ่มลึกก็คือ god is in the details ที่มาจากปรัชญากรีก โดยต่อมาหลักการนี้ของ ลุดวิก มีส ฟาน เดอร์ โรห์ ก็ได้กลายมาเป็นหลักการในการออกแบบงานทั้งงานสถาปัตยกรรมในยุคหลังๆ รวมถึงงานออกแบบแขนงอื่นๆอย่างเช่น แฟชั่นดีไซน์ กราฟิกดีไซน์ หรือแม้แต่งานศิลปะด้วยอย่างแพร่หลาย
Less is more. น้อยแต่ให้ผลมาก
หากพูดให้เข้าใจแบบง่ายๆและรวดเร็ว Less is more. ก็คือการลงมือออกแบบอะไรสักอย่างในลักษณะที่ น้อยแต่เน้นๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เรียบง่ายแต่ชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารถึงผู้ชมหรือผู้บริโภคได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
God is in the details.ทุกๆรายละเอียดที่อยู่ในงานออกแบบคือสิ่งที่ต้องใส่ใจ
คือการใส่ใจในทุกๆรายละเอียดของการออกแบบ ทุกๆองค์ประกอบที่เกิดขึ้นในงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้สี ตัวอักษร การจัดวางต่างๆ และอื่นๆโดยไม่มองข้ามแม้จุดเล็กน้อยที่อยู่ในงานของเรา
Less is more. God is in the details. เมื่อทั้งสองวลีมารวมกัน
โดยเมื่อทั้งสองคำมารวมกัน ก็คือการใส่ใจในทุกๆรายละเอียดของการออกแบบ ถึงแม้จะมีองค์ประกอบในงานออกแบบน้อยอย่าง แต่เราต้องใส่ใจในสิ่งเหล่านั้นให้ถึงที่สุด เรียกได้ว่า ยิ่งน้อยเท่าไร ยิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดให้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่แค่บอกว่า Less is more. แล้วก็ออกแบบงานไปอย่างลวกๆน้อยๆ นักออกแบบอย่างเราๆต้องอย่าลืมและคอยเตือนตัวเองเสมอว่า Less is more. แล้วต้อง God is in the details. ด้วย
และนี้ก็คือเรื่องราวความเป็นมาของวลีเด็ดทางการออกแบบ อย่าง Less is more. ที่นักออกแบบมากมายใช้มาเป็นแนวทางในการรับออกแบบ