จะรับออกแบบทั้งที คำศัพท์เหล่านี้ควรรู้เอาไว้ ใครที่กำลังเริ่มสนใจอยากลองทำงานออกแบบดู นอกจากใจที่รักในการสร้างสรรค์แล้ว ก็ควรรู้คำศัพท์หลายๆคำที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเอาไว้ด้วย เพื่อการสื่อสารกับโรงพิมพ์ ลูกค้า หรือเพื่อนนักออกแบบก็ตามให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เริ่มต้นที่ประเภทของรูปภาพ
Raster images
บางครั้ง Raster images อาจถูกเรียกว่าภาพแบบ Bitmap ก็คือลักษณะของภาพที่เกิดจากการประกอบรวมกันของพิกเซลเล็กๆ โดยปกติแล้ว Photoshop จะเป็นโปรแกรมยอดฮิตที่มักถูกนำมาใช้ในการทำงานและปรับแต่งภาพชนิดนี้ ด้วยขนาดของพิกเซลที่ตายตัวใน Raster images แต่ละภาพ จึงส่งผลให้การนำภาพชนิดนี้มาขยายหรือย่อขนาดมากเกินไป จะทำให้ภาพมีคุณภาพที่แย่ลงไปด้วย
Vector images
เป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรมอย่าง Adobe Illustrator ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากจุด โดยจุดแต่ละจุดจะสร้างเส้นเชื่อมกันจนเกินเป็นรูปร่างและสีขึ้นมา ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ส่งผลให้ภาพแบบ Vector images สามารถย่อหรือขยายเป็นขนาดเท่าใดก็ได้โดยที่ไม่สูญเสียคุณภาพของภาพไปเลยแม้แต่น้อย
โหมดรูปแบบการใช้สี
ในทุกๆครั้งของการทำงาน สิ่งหนึ่งที่นักออกแบบต้องทำเสมอๆคือการตั้งค่าโหมดรูปแบบการใช้สี ดังนั้นเราจึงควรรู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับโหมดรูปแบบการใช้สีเหล่านี้เอาไว้ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโหมดสีในภายหลังจากการทำงานออกแบบเสร็จแล้ว จะทำให้คุณภาพของสีเปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งโหมดรูปแบบการใช้สีที่ใช้กันอยู่ปกติหลักๆมี 2 ชนิดคือ
CMYK
โหมดรูปแบบสีพื้นฐานที่ใช้สำหรับงานที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์
RGB
โหมดรูปแบบสีพื้นฐานที่ใช้สำหรับงานที่แสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ จะเป็นภาพนิ่งหรืองานภาพเคลื่อนไหวก็ได้
Image resolution
คือลักษณะของการกำหนดค่าความละเอียดของภาพ มีหลักๆอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดได้แก่
DPI
เป็นค่าที่ใช้ในการทำงานออกแบบสิ่งพิมพ์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งมันคือค่าของ “จุดต่อพื้นที่หนึ่งนิ้ว” จุดที่มากขึ้นต่อนิ้วจะทำให้คุณภาพการพิมพ์งานดีขึ้น โดยปกติแล้วค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 300DPI
PPI
คือค่าของ “พิกเซลต่อนิ้ว” นั้นเอง โดยที่ความละเอียดของภาพในลักษณะนี้มักจะใช้กับภาพพวก Raster images เนื่องจากภาพแบบ Vector images ไม่ได้ทำงานเป็นพิกเซลนั้นเอง
คำศัพท์อื่นๆที่ควรรู้เอาไว้
Grids
อธิบายแบบง่ายๆ Grids ก็คือเส้นตัดแนวตั้งหรือแนวนอน ลักษณะคล้ายตาราง เอาไว้สำหรับใช้ในการจัดวางองค์ประกอบต่างๆและโครงสร้างทั้งหมดของงานออกแบบ ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมออกแบบโปรแกรมไหนก็สามารถนำเอาระบบ Grids ไปใช้ได้เพื่อให้สามารถปรับแต่งองค์ประกอบของงานได้อย่างถูกต้องและสมดุล โดยรูปแบบตารางของ Grids นั้นไม่ตายตัว เราสามารถทำให้มีการสอยช่องแบบไหนก็ได้
Soft and hard proofs
ความแตกต่างของ Soft proof และ hard proof ก็คือ Soft proof คือลักษณะของไฟล์สำหรับการตรวจงานที่เป็นไฟล์ ดิจิตอล สำหรับไว้ตรวจบนจอภาพก่อนการนำไปเริ่มกระบวนการพิมพ์ต่อไป โดยปกติก็มักจะเป็นไฟล์ PDF ส่วน hard proofs คืองานพิมพ์ที่สำเร็จออกมาแล้วให้ทางลูกค้าได้ตรวจสอบก่อนว่างานของเขาถูกต้องตามที่ต้องการหรือไม่ ก่อนการนำไปพิมพ์จำนวนมาก
Kerning
คือการปรับเว้นระยะห่างระหว่างตัวอักษรให้เหมาะสมกับการอ่านให้อ่านง่ายมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในบางครั้งหากเราพิมพ์ตัวอักษร “t” และ “i” ติดกัน แขนของตัวอักษร “t” อาจจะไปเชื่อมติดอยู่กับหัวของตัวอักษร “i” ได้ ทำให้อ่านลำบาก ดังนั้นจึงควรปรับ Kerning เพื่อให้ตัวอักษรทั้งสองทิ้งระยะเว้นวรรคให้ห่างกันมากขึ้นเพื่ออ่านง่ายและสะดวกขึ้น
สุดท้ายคำศัพท์ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงคำศัพท์บางส่วนที่เป็นพื้นฐานและน่าสนใจเท่านั้น ในการรับออกแบบยังคงมีคำศัพท์เฉพาะทางอีกมากมายให้ได้รู้และศึกษากัน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.creativebloq.com/graphic-design/key-terms-to-know-6133210