ถ้าหากถามถึงความต่างของ Infographic กับ Motion Infographic เราก็สามารถอธิบายออกมาได้ถึงสองส่วนด้วยกันคือ 1.แปลความหมายตามหลักภาษา 2.จุดประสงค์การใช้งาน ดังนั้นเรามาเริ่มที่ส่วนแรกกันก่อนเลย

ความแตกต่างกันตามหลักความหมายของภาษา

ส่วนที่หนึ่งหากแปลตามหลักภาษาอังกฤษแล้วแน่นอนว่าทั้งสองคำนี้ย่อมไม่เหมือนกันแน่นอน โดยมาเริ่มที่คำว่า Info นั้นเป็นคำย่ออย่างไม่เป็นทางการของศัพท์คำว่า Information ที่แปลว่า “ข้อมูล” เอาให้เข้าใจแบบง่าย Info ก็แปลว่าข้อมูลนั้นละครับ ต่อมาคำว่า graphic แปลว่า “กราฟิก” เป็นคำทับศัพท์มาโดยตรงที่มีความหมายว่าเป็นการแสดงภาพที่เกิดขึ้นโดยระบบคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมวาดภาพ โปรแกรมระบายสีภาพ และถ้าเรานำสองคำนี้มารวมกัน Infographic จะมีความหมายว่าภาพพร้อมข้อมูลประกอบ ซึ่งถ้าอธิบายกันตรงๆตามการแปลภาษามันก็จะดู งงๆ แบบนี้ครับ เอาเป็นว่าถ้าให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ Infographic ก็คือ ภาพที่ถูกออกแบบมาพร้อมกับการจัดวางข้อมูลที่สำคัญให้สามารถอ่านหรือทำความเข้าใจได้ง่ายในระยะเวลาอันสั้น ใช่ครับต้องระยะเวลาอันสั้นด้วยนะครับเพราะถ้าใช้ระยะเวลาในการทำความเข้าใจเนื้อหานานแปลว่า infographic ชิ้นนั้นเป็น Infographic ที่ไม่ดีมีข้อมูลเยอะเกินหรือก็คือ Infographic มีข้อเสียในการสื่อสารข้อมูลที่จำกัดอยู่บ้างในบ้างครั้งนั่นเอง หากข้อมูลเยอะมากไปก็จะน่าเบื่อ น้อยเกินไปก็จะไม่เข้าใจ

มาถึงในส่วนของ Motion Infographic กันบ้างตามหลักภาษาอังกฤษแล้วคำว่า Motion แปลว่าการเคลื่อนไหวหรือการเคลื่อนที่ ที่นี่ถ้าเอาคำว่า Motion + Infographic = ภาพเคลื่อนไหวที่มีข้อมูลประกอบ หรืออธิบายได้ว่า Motion Infographic แท้จริงแล้วเป็นการพัฒนามาจาก Infographic ธรรมดาที่เป็นภาพนิ่งที่มีความดึงดูดน้อยกว่าภาพเคลื่อนไหวมาทำให้เกิดความเคลื่อนไหวนั่นเอง แถม Motion Infographic ยังมีการใช้เสียงพากย์เพื่ออธิบายข้อมูลพร้อมกันไปกับภาพเคลื่อนไหวนั้นๆด้วย ซึ่งทำให้ผู้รับชมสะดวกสบายขึ้นในการรับข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น

ความแตกต่างในด้านจุดประสงค์การใช้งาน

ที่นี่มาอธิบายความหมาย Infographic  ในส่วนที่ 2 ต่อกันเลยจะได้เข้าใจมากขึ้น Infographic มีจุดประสงค์ในการใช้งานด้านการสื่อสารข้อมูลแบบที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เช่น เราต้องการบอกเล่าประวัติศาสตร์ยุคต่างๆ ที่มีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้น เราก็สามารถทำออกมาในรูปแบบ Infographic ได้และทำให้คนที่ดูข้อมูลนี้เข้าใจง่ายขึ้นรวดเร็วขึ้นอีกด้วย Infographic ซึ่งจะอยู่ในสื่อประเภทใด มีรูปลักษณะอย่างไรก็สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว Infographic จะถูกออกแบบมาให้อยู่ในหน้ากระดาษ 1 แผ่น เพื่อให้การสื่อสารเนื้อหาที่ต้องการทั้งหมดจบลงได้อย่างรวดเร็วไม่ขาดตอน ไม่ว่าจะขนาด A4  A3  A2 หรือใหญ่กว่านั้นจะแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้เช่นกัน

ส่วนจุดประสงค์ในการใช้ของ Motion Infographic นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าดึงดูดที่มากกว่า Infographic ธรรมดาและอาจจะใส่ข้อมูลที่ต้องการจะสื่อสารเข้าไปได้มากกว่า Infographic หรือข้อมูลที่เนื้อหาจำเป็นต้องมีภาพเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มความเข้าใจของผู้รับสาร ตัวอย่างเช่น Motion Infographic ที่อธิบายเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องจักรเบื้องต้น  โดยที่แน่นอนว่าข้อเสียของ Motion Infographic ก็มีเช่นกัน นั่นก็คือต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า Infographic หลายเท่าตัว อีกทั้งยังใช้เวลาในการผลิตที่นานกว่าหลายเท่าตัวอีกด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะ Infographic หรือ Motion Infographic ต่างก็มีความแตกต่างการกันในการสื่อสารและจุดประสงค์การใช้งาน ในบางโอกาสสามารถใช้ทั้งสองอย่างนี้ทำงานร่วมกันได้ หรือบางครั้งก็ควรเลือกการใช้ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารด้วย หวังว่าผู้อ่านทุกท่านน่าจะเข้าใจความแตกต่างของ Infographic และ Motion Infographic กันมากขึ้นแล้วนะครับ ขอบคุณครับ